*** ทำไมไม่มีมัมมี่สตาลิน? ***
ในศตวรรษที่ 20 นั้น ชาติคอมมิวนิสต์ต่างๆ มักทำลายศาสนายุคเก่าแล้วสร้างลัทธิบูชาบุคคลขึ้นมาแทนที่ พวกเขามีประเพณีอันดีงามในการนำร่างผู้นำที่ล่วงลับไปทำมัมมีเพื่อให้สาธุชนรุ่นหลังสามารถกราบไหว้สักการะสืบไป
นั่นทำให้แม้ระบบคอมมิวนิสต์เสื่อมลงมากแล้ว แต่ปัจจุบันเรายังมีทัวร์ "มัมมี่คอมมิวนิสต์" ให้ผู้สนใจสามารถตามไปแสดงความเคารพต่อมัมมี่เลนิน, มัมมี่เหมาเจ๋อตง, มัมมี่โฮจิมินห์, มัมมี่คิมจองอิล, หรือ มัมมี่คิมอิลซุง ส่วนศพอื่นๆ นั้นบางศพรักษาไม่ดี แล้วเน่าเหม็นจนต้องเอาไปทำลาย หรือบางศพพอเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ไม่ได้รับการบูชาอีก
ทั้งหมดนี้จะสังเกตได้ว่า "ไม่มีมัมมี่สตาลิน" ...แต่ทำไมล่ะ?
คำตอบคือ จริงๆ แล้วเมื่อสตาลินผู้นำโซเวียตตายลงในปี 1953 ก็มีการนำร่างเขาไปทำมัมมี่เช่นกัน โดยตั้งไว้ข้างมัมมี่ของเลนิน
อย่างไรก็ตามขณะที่มีชีวิตอยู่ สตาลินได้ทำความชั่วไว้มาก หลักๆ คือกำจัดคนที่ต่อต้าน, บังคับคนหลายล้านไปตายที่ไซบีเรีย ตำหนิว่าคนเหล่านั้นมีความคิดไม่เหมาะสม (ต่อต้านระบบ), ประกอบอาชีพไม่เหมาะสม (เป็นอะไรที่ขัดกับคอมมิวนิสต์), มีฐานะไม่เหมาะสม (แม้เป็นชาวนา แต่ถ้ารวยไปก็โดน), หรือแค่เกิดในชนชาติไม่เหมาะสมก็โดนได้ (เช่นเป็นชาวเชเชน) นอกจากนั้นสตาลินยังบริหารผิดพลาดทำให้คนอดอยากตายไปนับสิบล้าน
ความชั่วเหล่านี้ทำให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ชั้นหลังหลายคนรับไม่ได้ เมื่อเขาตายไปสามปีจึงมีการอภิปรายกันว่าเขาคู่ควรจะได้รับการบูชาในฐานะมัมมี่หรือไม่?
และหลังสตาลินตายลงแปดปี บารมีก็เสื่อมหมด จึงมีการย้ายศพเขาฝังไว้ในหลุมศพเล็กๆ โดยไม่มีพิธีรีตองใดๆ มีเพียงป้ายเล็กๆ เขียนว่า “J. V. STALIN 1879-1953”
ถ้าท่านไปรัสเซียทุกวันนี้จะเห็นเพียงมัมมี่เลนินตั้งบูชาอยู่ เพราะแม้คอมมิวนิสต์ในรัสเซียจะล่มสลายไปแล้ว แต่คนก็ยังจำคุณความดีที่เลนินช่วยเปลี่ยนแปลงสังคม ทำให้กรรมาชีพรัสเซียได้ลืมตาอ้าปาก และในระยะยาวทำให้ทั่วโลกเห็นความสำคัญของชนชั้นกรรมาชีพมากขึ้น
...ผิดกับสตาลินที่ทำเรื่องร้ายแรงไว้มาก ดังนั้นพอเสื่อมบารมีลงจึงมีแต่คนออกมาก่นด่าสาปแช่ง
ภาพแนบ: มัมมี่สตาลิน ตอนถูกตั้งโชว์ช่วงแรกๆ